ทำไมแมนฯ ยูไนเต็ดเลือก “แลมเมนส์” แทน “มาร์ติเนซ”?

โปรเจกต์ใหญ่ฉลอง 150 ปี และเดิมพันระยะยาวที่ชื่อว่า เซนเน่ แลมเมนส์
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำเซอร์ไพรส์วันเดดไลน์เมื่อเลือกคว้าตัว เซนเน่ แลมเมนส์ นายทวารดาวรุ่งวัย 23 ปีจากรอยัล อันท์เวิร์ป ด้วยค่าตัว 18.1 ล้านปอนด์ แทนที่จะดึง เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ ของแอสตัน วิลล่า ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักมาเกือบทั้งซัมเมอร์
การตัดสินใจนี้มีพื้นฐานจากแผนระยะยาวของสโมสรที่เรียกว่า “Project 150” ซึ่งวางเป้าหมายพาทีมกลับมาคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในปี 2028 ซึ่งจะเป็นปีฉลอง 150 ปีของสโมสร
เหตุผลที่เลือก แลมเมนส์ แทน มาร์ติเนซ
อายุน้อย – อนาคตไกล – ข้อมูลสถิติดีเยี่ยม
แม้แลมเมนส์เพิ่งมีประสบการณ์ใน เบลเยียมโปรลีกเพียง 52 นัด และเคยลง UCL แค่เกมเดียว แต่ยูไนเต็ดยืนยันว่า “ข้อมูลเชิงลึก” ชี้ว่าเขามีศักยภาพสูง
ฤดูกาลล่าสุด
เซฟมากที่สุดในยุโรป 5 ลีกใหญ่ (173 ครั้ง)
เปอร์เซ็นต์การเซฟสูงถึง 80%
หยุดลูกเปิดจากริมเส้นมากที่สุดในยุโรป (13.2%)
มีสถิติการจ่ายบอลแบบ “Progressive passes” สูงสุดในผู้รักษาประตูอายุต่ำกว่า 23 ปี
เป้าหมายปี 2028
แลมเมนส์จะอายุ 26 ปีในปี 2028 ซึ่งเป็นช่วงพีคของอาชีพผู้รักษาประตู
ตรงข้ามกับ มาร์ติเนซ ที่จะอายุ 35 ปีในปีเดียวกันนั้น
การันตีโดยรุ่นใหญ่
ได้รับคำชมจาก ติโบต์ กูร์ตัวส์ และ ซิมง มิโญเล่ต์ ว่าเป็นหนึ่งในนายทวารดาวรุ่งที่น่าจับตามองที่สุดของเบลเยียม
แม้ยังไม่เคยติดทีมชาติเบลเยียมชุดใหญ่ แต่มีชื่อในทีมเมื่อเดือนมีนาคม
จุดแข็งและจุดอ่อนจากวิเคราะห์เชิงแท็คติก
🟩 จุดแข็ง
สูง 6 ฟุต 4 นิ้ว แข็งแรง เป็นสาย Shot Stopper ชัดเจน
ปิดมุมดีในจังหวะดวล 1 ต่อ 1 – ขยับไว กระจายตัวกว้าง ใช้เท้าช่วยเซฟได้ดี
ออกมาตัดบอลบ่อย – กล้าคว้าในอากาศ
มีพื้นฐานการจ่ายบอลดีพอใช้ โดยเฉพาะเกมสวนกลับ
🟥 จุดอ่อน
การออกมาตัดลูกเตะมุมบางครั้ง “เสี่ยงเกินไป” หากไม่มั่นใจหรือเจอทีมเพรสหนัก
ยังไม่ผ่านบททดสอบกับแนวรุกพรีเมียร์ลีกที่เข้ากดดันหนัก
จ่ายบอลระยะสั้นแม้ปลอดภัย แต่ยังไม่ใช่จุดเด่น
แลมเมนส์จะเป็นมือหนึ่งเลยหรือไม่?
ตอนนี้ยูไนเต็ดยังมี อ็องเดร โอนาน่า และ อัลไต บายินเดียร์ อยู่ในทีม
แม้โอนาน่าจะมีข้อผิดพลาด แต่ประสบการณ์เหนือกว่าแลมเมนส์มาก
เกมถัดไปของแมนฯ ยูไนเต็ดคือ "แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้" กับซิตี้ วันที่ 14 ก.ย. – คำถามคือ “กล้าเปิดตัวแลมเมนส์ในเกมใหญ่นี้เลยหรือไม่?”
สรุปสำหรับคอลูกหนัง
“แมนฯ ยูไนเต็ดไม่แค่สร้างทีมให้ ‘ทันที’ แต่ลงทุนเพื่อ ‘อนาคต’
แลมเมนส์อาจยังไม่ใช่ซูเปอร์สตาร์ตอนนี้
แต่ในแผน Project 150 เขาคือหนึ่งในคีย์แมนที่อาจพาทีมกลับสู่จุดสูงสุดในปี 2028”

